วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

Pretty Woman ผู้หญิงบานฉ่ำ ซินเดอเรลล่าหลงยุค!!



Pretty Woman ผู้หญิงบานฉ่ำ

ใครทันได้ดูเรื่องนี้บ้างครับ ยกมือกันหน่อย ก็ใช่ว่าจะหาพวกพ้องคนอายุเยอะอะไรกันนะครับแค่อยากบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่งครับ ก็เลยอยากจะขอมือคนที่ดูและจะแนะนำให้ไปหา DVD มาดูกันครับ เพราะหนังเรื่องนี้หาแผ่นไม่ยากเพราะเป็นหนังในระดับตำนานของฮอลลีวู้ดกันเลยทีเดียวครับ

หนังจะว่าไปก็คล้ายกับ ซินเดอเรลล่า ยุคสมัยใหม่ที่ว่าถ้าคุณจะมีโชคแล้วอะไรก็คงห้ามคุณไม่ได้จากสิ่งที่จะเข้ามา เรามาดูเนื้อเรื่องกันก่อนครับ

."เอ็ดเวิร์ด ลูอิส (ริชาร์ด เกียร์) นักธุรกิจผู้ร่ำรวยที่ชำนาญการซื้อกิจการและแบ่งขายออกบังเอิญได้เดินทางไป ที่นครลอสแอนเจลิสเพื่อทำธุรกิจ ซึ่งบังเอิญได้มาพบกับ วิเวียน วอร์ด (จูเลีย โรเบิร์ต) สาวขายบริการที่ใช้ชีวิตตามท้องถนน เขาเกิดประทับใจบางอย่างในตัวเธอเข้า จึงเสนอเงินก้อนหนึ่ง เพื่อให้เธอใช้เวลาอยู่กับเขาตลอดทั้งสัปดาห์ และเมื่อเขาได้รู้จักเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เขากลับรู้สึกว่า วิเวียน ไม่ได้เป็นแค่สาวขายบริการทั่วไปอย่างที่เขาคิดในตอนแรก แต่เธอ...มีอะไรบางอย่างที่พิเศษเหนือใครและทำให้เขารู้สึกมีความสุขในทุก ๆ ครั้งที่ได้อยู่ใกล้เธอ จนในที่สุด...เขาก็ตกหลุมรักเธอเข้าจนได้"

เป็นไงครับกับเนื้อเรื่องที่ได้อ่าน เป็นใครก็ต้องบอกว่าเฮ้ยมันจะมีแบบนี้จริงๆ เหรอที่ว่าสาวที่ทำงานอย่างว่าแล้วได้เจอกับรักแท้แถมยังเป็นรักแท้ที่ตกถังข้าวสารเสียอีก ในชีวิตจริงจะมีแบบนี้เหรอ ก็ต้องบอกว่า มีแน่นอนครับ แต่มันมีไม่บ่อยที่เจอแบบนี้

งานนี้ต้องบอกว่าหนังทำออกมาได้อย่างดีส่วนผสมของหนังทำได้ลงตัวอย่างน่าประหลาด หนังเดินเรื่องได้แบบเนิบๆ แต่น่าติดตาม และลุ้นไปกับ วิเวียน ว่าจะเข้าใจกับ เอ็ดเวิร์ด ได้ตอนไหน จะสามารถบอกความต้องการที่แท้จริงของหัวใจได้อย่างไร ในเมื่อมีความแตกต่างของชนชั้นของสังคม เห็นไหมครับว่าหนังบอกเราได้หลายอย่าง เหมือนกับหนังไทยที่เค้าบอกว่าเป็นหนังน้ำเน่าที่ใครๆ ก็เดาเรื่องได้ Pretty Woman ก็เป็นเรื่องที่ว่านั้น เดาได้ว่าหนังจะเป็นอย่างไร แต่ว่าเราก็ตามลุ้นว่าพระเอกกับนางเอกจะลงเอยกันได้อย่างไร

แล้วหนังเรื่องนี้ก็ทำให้ จูเลีย โรเบิร์ต ดังในข้ามคืนมีผลงานมากมาย ริชารด์ เกียร์ ก็ได้กลับมาเกิดใหม่ มาๆ ผมว่าเราไปดูกันดีกว่า

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

20th Century Boys - Chapter 3: Our Flag



20th Century Boys - Chapter 3: Our Flag 
ใครเคยดูหนังเรื่องนี้บ้างครับ อยากบอกว่าผมก็เป็นแฟนหนังเรื่องนี้ครับ จริงๆ ผมไม่เคยได้รู้จักเรื่องนี้มาก่อน ได้ติดตามข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ว่ามีหนังเรื่องนี้เข้า และผมก็เป็นแฟนหนังญี่ปุ่นอยู่แล้วก็เลยตื่นเต้นหาข้อมูลใหญ่เลย จนได้ไปเจอหนังสือการ์ตูของเรื่องนี้เข้าเป็นชุดเซ็ต 20เล่มจบมั้ง เป็นกล่องสวยงามเลยผมควักเงินซื้อเลยครับ พอกลับมาบ้านลงมืออ่านเลยครับอ่านรวดเดียวยันตีสามตีสีถึงจบ แหมมันสนุกดีแท้ๆ  ยังนึกในใจเลยว่าทำไมไม่เคยอ่านมาก่อนนะ เนื้อหาของหนังการ์ตูนก็เป็นเนื้อหาของหนังที่เอามาทำทั้่ง 3ภาคครับ แล้วหนังทีทำออกมาก็ยังคงเนื้อหาได้เป็นอย่างดี สนุก ซ่อนเงื่อน น่าค้นหาตลอดเหมือนเดิม 

หนังทำออกมาเป็นไตรภาค ผมก็ซื้อแผ่น DVD เก็บทั้งสามภาคครับ แต่ภาคที่จะเอามาแนะนำนี่เป็นภาคสามครับซึ่งก็จะว่ากันสั้นๆ ไม่เยิ่นเย้อกัน แล้วค่อยๆ เอาภาค 1-2 มาแนะนำต่อ ซึ่งผมว่าทั้งสามภาคสนุกไม่แพ้กันครับ ก่อนอื่นก็มาดูเนื้อหาของภาคสามกันนี้ก่อนครับ





" ในปี 2017 เมื่อ "เพื่อน" กลายเป็นประธานาธิปดีโลก เพราะช่วยโลกให้พ้นวิกฤติไวรัสล้างโลกมาได้ เพื่อนกลายเป็นผู้ครองอำนาจสูงสุด ชี้นำสังคมโลกอย่างเด็ดขาด อีกทั้งยังสร้างภาพให้ กลุ่มเคนจิและผองเพื่อน เป็นเหล่าร้ายทำลายล้างโลก เคนจิและผองเพื่อนที่ซ่อนเร้น แฝงตัวอยู่ รอคอยเวลาที่จะกลับช่วยมนุษยชาติไม่ให้ต้องสูญสิ้นไปกับแผนการร้ายของ เพื่อน "


หนังทำออกมาในโทนอบอุ่นที่มีให้กันของเพื่อนสมัยเด็กที่ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานมากขนาดไหนก็ยังรักกัน ช่วยเหลือกัน ไม่ทิ้งกัน เหมือนคำที่ว่า เพื่อนไม่ทิ้งกัน แหม..ยังกับเพลงเลย ต้องบอกว่าหนังทำออกมาได้ใจคนชอบหนังญึ่ปุ่นครับ ตัวเอกที่ชื่อเคนจินั้น มาพร้อมกับคาแรคเตอร์ที่ไม่กล้าที่จะตัดสินใจและมาพร้อมกับปมที่ฝังใจในความผิดที่ได้ทำไว้ จะว่าไปก็เหมือนกันคนทุกคนที่ต้องเคยทำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตแล้วความผิดในใจนั้นมันกัดกร่อนจิตใจให้ต้องเจ็บปวดทรมานไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าจะได้ล้างบาปล้างความผิดจากใจไปให้หมดด้วยการทำอย่างหนึ่งอย่างใจ ผมว่าจุดนี้เป็นจุดที่หนังได้สื่อให้เห็นครับ ความกล้าที่จะยอมรับความผิดที่ได้ทำไว้ ความรักของเพื่อนที่มีให้กันตลอดเวลาแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน ซึ่งเป็นหลักความจริงที่ทุกคนต้องเคยเจอกับตัวเอง 


หนังเดินเรื่องด้วยความปราถนาของ เพื่อน ที่เป็นเพื่อนสมัยวัยเด็กของกลุ่มเคนจิ ที่ต้องการให้เคนจิยอมรับในตัวของเค้า เพื่อน ขาดซึ่งการยอมรับจากคนอื่นๆ เลยต้องการที่จะหาใครซักคนที่จะยอมรับในตัวตนของเขา แล้ว เพื่อน ก็ทำทุกอย่างที่จะให้เหนือกว่า เคนจิ เพื่อที่จะให้เคนจิยอมรับเขาให้ได้ เห็นไหมครับ การที่ใครซักคนไม่มีเพื่อนนั้นมันเจ็บปวดมากขนาดไหน แล้วมันจะกลายมาเป็นสิ่งที่เลวร้ายในอนาคตเป็นสิ่งที่สร้างความเลวร้ายให้เกิดขึ้น อันนี้คือในหนังที่สื่อออกมาให้เราได้เห็นกันนะครับ 


อีกสิ่งที่หนังแสดงให้เห็นคือ ความรัก ความเชื่อมั่น ที่ คันนะ หลานของ เคนจิ ที่มีความรักและเชื่อมั่นในตัวของอาของเธอ เรียกว่าเป็นความรักและสายสัมพันธ์ที่หลานสาวมีให้ต่อน้า เป็นความเชื่อมันแ ความรัก และความผูกพันที่บริสุทธิ์





และอีกสิ่งที่หนังได้บอกเราคือ การค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเรา ความรับผิดชอบที่ต้องทำ ความจริงที่ต้องยอมรับในสิ่งที่เป็นไป ความกล้าที่จะยอมขอโทษในสิ่งที่ผิด แหมมันหลากหลายจริงๆ ครับเอาเป็นว่าไปดูกันเลยดีกว่าจะได้เห็นในหลายสิ่งหลายอย่าง


ในความเป็นจริงแล้วหนังกับโลกแห่งความเป็นจริงก็ไม่ค่อยต่างกันครับ เรียกว่าเป็นสิ่งสะท้อนความเป็นจริงครับแต่มันจะมากน้อยขนาดไหนก็ว่ากันไป เราดูหนังเพื่อความสนุกแล้วเป็นสิ่งเตือนใจเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ครับ ดูหนังดูตัวเราปรับปรุงแก้ไขต่อไป 


สรุปแล้วหนังเรื่องนี้ผมชอบมากเป็นการส่วนตัวครับหนังได้รวมเอาดาราดังๆ มากมายเลยและเนื้อเรื่องก็สนุก และเพลงประกอบนี่ผมชอบเลยทีเดียครับ เอาเป็นว่า

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

Edge of tomorrow เกิด ดับ วนเวียนไม่มีจบ





ใครได้ดูหนังเรื่อง Edge of tomorrow บ้างครับ ผมว่าเรื่องนี้สนุกทีเดียวแต่ว่าก็ไม่ได้สนุกขนาดที่ว่าประทับใจทุกช็อตนะครับ หนังเรื่องนี้ได้เอาเค้าโครงเรื่องมาจากนิยายของญี่ปุ่นครับ แล้วมาปรับเปลี่ยนโครงเรื่องให้เหมาะกับการทำเป็นหนังฮอลลีวู้ด เพราะถ้าทำแบบญี่ปุ่นจะไปแบบเงียบเชียบแน่ๆ 

หนังเรื่องนี้มีดาราชูโรงคือ ทอม ครูซ (Tom Cruise) และเอมิลี บลันต์ (Emily Blunt)นับว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ถูกจับตามองอย่างมาก แม้ว่าเนื้อหาจะผิดเพี้ยนไปจากนวนิยายต้นฉบับบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่ทำให้ความสนุกลดลงแต่อย่างใด และ Edge of Tomorrow ยังได้รับการยกย่องให้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ ทอม ครูซ และผู้กำกับดัก ไลแมน (Doug Liman) 

ซึ่งแน่นอนว่าบทวิจารณ์ด้านบนนั้นก็ไม่ได้เหนือจากจริงเพราะหนังทำออกมาได้ดีครับ บทหนังทำได้ดี ตัดต่อเรื่องราวให้เข้าใจได้ง่ายไม่ซับซ้อนเกิน เพราะหนังเป็นการย้อนไปย้อนมาวนไปวนมาของประการณ์หลังตายแล้วต้องมาอยู่จุดเดิมเพื่อทำภาระกิจเดิมๆ ให้สำเร็จ จะเห็นว่าเรื่องอาจไม่เร้าใจ แต่พอได้เข้าไปดูแล้วก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันน่าดูนะนี่ เพราะเรื่องราวไม่ได้เวอร์เกินไป(ก็หนัง sci-fi)นัก หนังเดินเรื่องไประหว่าง ทอม ครูซ และ เอมิลี บลันต์ ไปมาๆ ก็ทำให้รู้สึกสนุกกับบทสนทนาของทั้งสอง 

หนังแสดงออกถึงภารกิจที่ต้องทำแม้ว่าจะยากลำบากอย่างไรก็ต้องทำและบรรลุเป้าหมายให้ได้ เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทุกหนทุกทางในญี่ปุ่น ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่หนังให้หลักปรัชญากับคนดูครับ มาดูการแสดงของทอมครูซ กับ เอมิลี เรียกว่าเข้ากันได้อย่างดี ในส่วนตัวผมคิดว่าสองคนนี้เล่นได้เข้าขากันดี และองค์ประกอบของหนังการทำโปรดักส์ชั่นเรียกว่าดีกว่าที่ตั้งความหวังไว้ สมจริงสมจังดีครับ การแสดงของทั้งสองคนไม่ได้โอเวอร์แอ็คติ้งเกินไป และบทหนังยังได้แสดงออกถึงการพัฒนาของตัวละครเมื่อเวลาผ่านไป นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าหนังได้เดินไปในทางที่โอเคเลยทีเดียว

ในหนังเรื่องนี้ต้องยกความดีให้กับนักแสดงร่วมด้วยครับ เพราะแสดงกันได้ไม่ขาดไม่เกินทำให้หนังเดินเรื่องได้แจ่มมากๆ ต้องบอกว่าหาดูหนังแบบนี้ได้น้อยนะครับ หนัง action sci-fi ก็ทำออกมาบางทีก็แป็ก บางทีก็ขาดๆ เกินๆ ซึ่งก็ขึ้นว่าผู้ชมจะชอบไหม ส่วนตัวผมชอบดีครับ จริงๆ หนังแนวนี้เป็นหนังที่ขายยากมากในการที่จะเป็นหนังทำเงิน ส่วนมากจะเป็นหนังที่ได้แค่กล่องอย่างเดียว หนังแนวเดียวกันที่คล้ายๆ กันจะเป็นเรื่อง Dark City เป็นอีกเรื่องที่ทำออกมาได้ดีแต่เรื่องรายได้จะไม่เท่าไหร่ ส่วนเรื่องที่คล้ายกันแต่อาจจะคนละแนวคือ Inception หนังเรื่องนี้ทำออกมาดีแล้วได้ทั้งเงินทั้งกล่องเลยเรียกว่าได้ประสบความสำเร็จมากมาย