วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Inception vs Dark City อะไรที่ขาดหายไป!!!


มาอีกครั้งครับ วันนี้ไปดูหนังเรื่อง Inception : จิตพิฆาตโลก เรื่องที่เค้าว่าเป็นว่าที่หนังยอดเยี่ยมออสการ์ปีหน้าครับ เค้าว่ากันว่างั้นนะครับส่วนตัวผมไม่เชื่อหรอกครับนอกจากจะได้ไปเห็นไปดูกับตาตัวเองถึงจะบอกได้ว่าเค้าพูดจริงหรือเปล่า หนังเรื่องนี้จะว่าไปฟอร์มดีครับเพราะเป็นหนังของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับ แบทแมน แบ็คไนท์ และอีกเรื่องก็ ดาร์ค ซิตี้ เมืองเปลี่ยนสมอง มนุษย์ผิดคน ต้องบอกว่าหนังสองเรื่องนี้สุดยอดทั้งสองเรื่องครับ inception นี่วางโครงเรื่องได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนแบบสามชั้นสี่ชั้นเลย ส่วนดาร์ค ซิตี้ ก็วางโครงเรื่องได้สุดยอดเช่นกัน บรรยากาศของหนังสองเรื่องนี้ผมต้องบอกว่าต่างกันพอดู inception เล่นกับจิตมนุษย์ที่ต้องการรู้ความจริงในสิ่งที่ลึกลงไปในก้นบึ้งของจิตใจ ส่วนดาร์ค ซิตี้ เล่นกับความอยากที่จะมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ โทนเรื่องก็เดินเรื่องไปอย่างที่ว่าเหนือชั้น ดนตรีประกอบก็ทำให้เร้าใจเรียกว่าทั้งสองเรื่องได้ใจผมไปเต็มๆ ก่อนอื่นต้องบอกว่า Inception นั้นเดินเรื่องพร้อมกับดาราที่ทรงพลังพร้อมบทที่ส่งให้แต่ละตัวละครแสดงได้ออกมาอย่างโดดเด่นไมว่าจะเป็น Leonardo DiCaprio, Ken Watanabe, Joseph Gordon-Levitt, Marion Cotillard, Ellen Page, Tom Hardy, Talulah Riley, Cillian Murphy, Tom Berenger, Michael Caine ต้องบอกว่าแสดงกันได้สมบทบาททุกตัวละครใจผมนั้นชอบ Marion Cotillard ดาราสาวชาวฝรั่งเศส ที่ผมรู้จักเธอจากเรื่อง Taxi เวอร์ชั่นฝรั่งเศส ส่วนนายลีโอ นี่ก็ต้องบอกว่าดังมาจาก titanic ส่วนที่ชอบอีกก็ทั้งหมดในทีมแสดงหลักครับ แสดงกันได้ดีทุกคนครับ โหจะว่าไปหนังดีไปหมดก็จะว่ากันว่าไม่มีข้อเสียเลยเหรอ ผมว่ามันก็มีนะครับเนื้อเรื่องที่ยาวทำให้คนที่ไม่ชอบหนังยาวว่าได้ บทหนังที่ตัดไปตัดมาระหว่างความจริงกับความฝันนี่ก็อาจทำให้หลายๆ คนไม่ชอบได้เหมือนกันแต่ผมว่าส่วนตัวผมชอบครับ สำหรับเวลาเกือบสองชั่วโมงครึ่งผมว่ามันผ่านไปอย่างรวดเร็วจะไม่อยากให้จบซึ่่งตอนจบก็เป็นที่ถกเถึยงกันอยู่ว่าพระเอกเรากลับมาแล้วหรือยังฝันอยู่ก็ต้องตีความกันไปครับ

 ส่วนเรื่อง ดาร์ค ซิตี้ นั้นต้องบอกว่าเป็นหนังที่ผมชื่นชอบเหมือนกันผมไม่ได้ดูในโรงแต่ผมเห็นแผ่นที่ร้านก็เลยหยิบๆ มาดูตอนแรกก็ซื้อเป็น vcd ตอนหลังก็ไปตามหา dvd มาจนได้ต้องบอกว่าสุดยอดเหมือนกันครับ หนังมากับแนวคิดที่ว่าจะเป็นอย่างไรถ้าโลกเราไม่มีวันกลางวัน เมืองที่มีแต่กลางคืน ไม่เคยหลับไหล มนุษย์เราไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ตื่นมาต้องเจอแต่เรื่องใหม่ๆ ทุกวัน ไม่เคยจำอะไรได้เลย แม้ว่าจะพยายามคิดหนักขนาดไหน หนังมาในโทนมืดตลอดเรื่องเรียกว่าใครได้ดูต้องชอบถ้าไม่ชอบมาว่ากันได้เลยครับ หนังเรื่องนี้เล่นกับจิตของคนที่ต้องการหาความจริง คนหาในสิ่งที่ขาดหายไป สงสัยในสิ่งที่ไม่รู้ เป็นพื้นฐานของคนเรา แล้วจุดที่ชอบคือพวกต่างดาวที่บังคับและดูดความฝันและจิตใจของมนุษย์เผื่อที่จะเอามาใส่ให้ตัวเองเพื่อที่จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบให้ได้ เป็นไงครับแปลกดีไหม ผมว่าเรื่่องนี้ในยุคนั้นก็จะมี the matrix ที่แปลกแบบนี้แฝงหลักปรัชญาเข้าไป ผมชอบรูฟัส ซีเวลล ที่แสดงเป็นจอนห์ เมอร์ด็อก คีเฟอร์ ซูเทอร์แลนด์ ที่แสดงเป็นหมอที่้คอยช่วยพระเอกเรา เจนนิเฟอร์ คอร์เนลลี่ นางเอกสาวสวยที่สวยตลอด วิลเลี่ยม เฮริท์ ที่แสดงเป็นนายตำรวจผู้สงสัยในความเป็นไปของเมืองที่อาศัย ต้องบอกว่าสุดยอดอีกเรื่องแต่เรื่องนี้จะว่าไปไม่ค่อยได้โปรโมทในช่วงที่มาฉายในบ้านเราก็เลยดูเงียบๆ แต่ต้องบอกว่าไม่หลุดลอดสายตาผมไปได้หรอกครับ ผมเสาะแสวงหามาดูจนได้ 555  แต่หนังก็ต้องบอกว่าหากไม่ชอบก็ต้องบอกว่าหนังน่าเบื่อเหมือนกัน หนังอาจไม่แอ็คชั่้นมากนักก็เป็นจุดที่ต้องบอกว่าเป็นข้อเสียได้เหมือนกัน แต่จะไปสนใจทำไมล่ะครับ ผมชอบเป็นการส่วนตัวเลยล่ะ ต้องบอกว่าลองหาดูกันนะครับ


สองเรื่องนี้ต้องบอกว่าจุดที่คล้ายก็คือเล่นกับจิตของคนเรา ไม่ว่าจะเป็นด้านดีด้านร้ายก็ว่าไป การเดินเรื่องทำไปอย่างไหลลื่น จะว่าไปต่อให้บอกว่าดียังไงก็ไม่สู้ไปดูกับตาครับ แล้วจะรู้ว่าในทั้งสองเรื่องนี้ค้นหาอะไรที่ขาดหายไป


วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เล่าหนังนอกโรง (ตามประสาคนชอบเล่า)

             จั่วหัวเรื่องไว้แบบนี้ก็ต้องบอกว่าชอบเล่าหนังให้ฟังไหม ก็เปล่านะครับแต่จะดูแล้วคิดตอนหนังจบว่าเป็นอย่างนี้อย่างนั้นหรือเปล่า จริงๆ ก็ต้องบอกว่าหนังแต่ละเรื่องที่ดูก็ให้สาระต่างกันไป ช่วงที่ผ่านมาที่หายๆ ไปก็อย่างที่บอกว่างานรัดตัววิกฤตเข้าเส้นเลยก็เลยหายไปพักตอนนี้ก็ยังวิกฤตอยู่(เป็นทุกคนแน่ๆ) แต่ผมก็ได้ไปดูหนังมาหลายเรื่องนะก็เลยมาชวนให้ไปดูกันครับ หนังที่ไปดูมาก็มี The A Team, Prince of Persia  เอดูแค่สองเรื่องเองนะนี่ แต่ไม่เป็นไรครับมาว่ากันเลย  The A Team บู๊ๆๆๆๆ แล้วก็บู๊ๆๆๆๆ ไม่มีไรมากตอนแรกผมก็คิดว่าน่าจะถูกใจคนบ้านเราแต่ว่าหนังยังขาดส่วนผสมบางส่วนไปทำให้ไม่ถึงรสชาติที่ถูกใจมากนัก ก็เรียกว่าดูกันเอามันส์ไว้ก่อนครับ ส่วนเรื่อง prince of persia เรื่องนี้ก็เหมือนเรื่องแรกที่ขาดอะไรไปบางอย่างถึงแม้ว่าจะทุ่มทุนสร้างสูงก็ไปได้ทีละนิดจริงๆ พอพีผมไปดูอันดับ box office มาเห็น avatar หนังที่ผมว่ายังไงๆ ก็รุ่งเรื่องรายได้แต่ผมเฉยๆ กับหนัง เค้าทำรายได้ไปแล้ว 749.6M เยอะมากๆ เลยครับอยากทำหนังแล้วได้ตังค์แบบนี้บ้างจังเลย แต่ให้ไปเรียนทำหนังตอนนี้คงไม่ทันแล้วก็ดูอย่างเดียวดีกว่าสนุกดี
             ส่วนเรื่องที่ต้องไปดูก็ กวน มึน โฮ, บุญชู 10 อันนี้พลาดไม่ได้เพราะชอบมากๆ, อีกเรื่องก็ harry potter ก็แล้วกันครับ ตอนนี้นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเรื่องไหนน่าดูจนกว่าจะได้ดูตัวอย่างหนัง อ้ออีกเรื่องก็ king of fighters น่าจะสนุกเป็นหนังสร้างจากเกม ว่าแล้วไปหาดูหนังตัวอย่างก่อนแล้วมาเล่าใหม่ดีกว่า คราวหน้าเจอกันใหม่ครับ