วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ปฏิบัติการฮาล่าฝัน ของนายเจี๋ยมเจี้ยม Highway Star



ใครเป็นแฟนนายเจี๋ยมเจี้ยมบ้างยกมือขึ้นครับ ใช่ครับผมก็คนหนี่งที่เป็นแฟนหนังของแกครับ ชา แต ฮุน ชื่อของนายเจี๋ยมเจี้ยมคนนี้จะว่าไปหล่อหรือเปล่าไม่รู้นะแล้วแต่คนแต่ผมว่าแก็โอแหล่ะ นี่ผมแอบคิดเล่นๆ ในใจนะว่าถ้าผมไปเกาหลีคงมีโอกาสได้เป็นดารากับเค้าบ้าง แฮะๆ ฝันครับความฝันคนเราก็ต้องมีบ้างใช่ไหมครับ เหมือนหนังเรื่องนี้ที่พระเอกเราฝันกับเค้าว่าจะดังเป็นนักร้องระดับซุปเปอร์สตาร์กับเค้าบ้าง แต่ฝันก็ยังเป็นฝันต่อไปเพราะไม่สบโอกาสเลย จนกระทั่งมีผู้มาค้นพบแววนักร้องในตัวแกแต่ไม่ใช่ในแบบนักร้องร็อคเกอร์นะครับแต่จะเป็นแบบเพลงทร็อต (เพลงพื้นบ้านหรือเปรียบไปก็เพลงลูกทุ่งบ้านเราครับ) แล้วจากนั้นก็เป็นเรื่องที่พระเอกเราต้องฝ่าฟันต่อไป ครับหนังเรื่องนี้จะว่าไปก็เหมือนพล็อตหนังไทยแต่เค้าก็สอดแทรกอารมณ์ขันเข้าไป แนวทางในการนำเสนอก็ต่างออกไป นักแสดงก็ทำได้ดีครับ หนังเรื่องนี้ผมชอบจุดที่ว่าพระเอกเราดังโดยใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าตัวเองเพราะอายที่จะต้องร้องเพลงทร็อต แต่สุดท้ายก็ต้องทำตามใจเรียกร้องที่มีต่อหญิงที่ตนรักแล้วก็ความรักและภูมิใจที่ได้เป็นนักร้องเพลงทร็อด หนังเรื่องนี้ฮาปนซึ้งเรียกว่าฮาแต่ไม่ไร้สาระ ดูดีๆ ก็ได้อะไรดีๆ กลับบ้านไปเยอะ ตอนผมไปนั่่งดูหนังเรื่องนี้ผมก็ไม่ได้คิดหรือหวังอะไรมากไปกว่าการไปดูหนังคลายเครียดครับ แต่เป็นว่าหนังเรื่องนี้ทำเอาผมชอบไปเลย ผมซื้อแผ่นมาดูแล้วดูอีกหลายรอบ วันว่างๆ ก็หยิบมาดูครับ หนังดี เพลงก็โอเค ในหนังผมชอบอากู๋ คนที่เป็นเจ้าของค่ายเพลงครับ แกเป็นคนที่ไม่ทิ้งความฝันแม้ว่าจะตกระกำลำบากอย่างไร ค่ายเพลงต้องระส่ำเพราะนักร้องที่ปลุกปั้นหนีไปอยู่ค่ายอื่น ดูๆ ไปแล้วแกเป็นคนจริงครับ ผมชอบพอๆ กับตัวพระเอกครับ ก็อย่างที่ว่าครับไปหาซื้อเก็บไว้เถอะครับไม่เสียดายแน่นอนผมรับรอง

วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

The Possible:เก๋า เก๋า


เก๋า..เก๋า : The Possible

แนว : ตลก / เพลง / แฟนตาซี
ฉายเมื่อ : 4 ธันวาคม 2549
Rating 4/5 หนังเก๋าสำหรับคนเก๋า



ใครเก๋า...ยกมือขึ้น ผมไม่ได้กวนนะครับผมแค่จะมาพูดถึงหนังเรื่อง The Pssible:เก๋า เก๋า เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมไปดูแล้วประทับใจ หนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมตั้งใจไปดูครับด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นหนังจากทีมผู้กำกับจากทีมแฟนฉัน แหมอะไรจะปานนั้นผมพูดถึงหนังจากทีมงานทีมนี้ก็สองเรื่องแล้ว เอ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามไม่ว่ากัน หนังเรื่องนี้นำเสนอเกี่ยวกับดนตรีเมื่อยุคสตริงคอมโบกำลังเฟื่องฟู ซึ่งหนังเลือกนำเสนอผ่านวงดนตรีที่กำลังเป็นดาวรุ่งที่ชื่อว่า The Possible หัวหน้าวงนำโดยโจอี้บอย ที่แสดงเป็น ต๋อย พร้อมกับพลพรรคนักดนตรีไม่ว่าจะเป็น โป้ โยคี เพลย์บอย สอง พาราด็อกซ์ และอีกหลายๆ คนแล้วก็เด็กสร้างตั้งแต่หนังเรื่องแฟนฉัน ไม่ว่าจะเป็นน้องโฟกัส น้องแจ๊ค ครับสำหรับหนังเรื่องนี้ผมประทับใจกับบทหนัง เพลงประกอบ การวางตัวดาราที่มาแสดง ผมชอบในหนังที่เอาจุดเด่นของวงดนตรีสมัยสริงคอมโบมานำเสนออย่างเด่นชัด แล้วเพลงประกอบก็เยี่ยมครับ เพลงดวงใจยังมีรัก ก็เป็นเพลงที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากเพลงฝรั่งแล้วเขียนเนื้อเพลงใส่เข้าไปเรียกว่าทำได้อย่างเนียนมากๆ เนื้อเพลงเพราะดีแล้วใครที่คุ้นเคยกับโจอี้บอยที่ร้องแต่เพลงแร็ปก็จะได้เห็นโจอี้บอยรองเพลงแบบธรรมดากับเค้าบ้างมันก็แปลกไปอีกแบบแต่แปลกในแบบที่เจ๋งนะครับ ในหนังได้นำเสนอความรักยุคก่อน การทำเพลงของวงดนตรีที่มักเอาเพลงฝรั่งมาแปลงเนื้อ ความคลั่งไคล้ในตัววงดนตรีที่เรียกว่าคลั่งแบบมากๆ ให้นักร้องคนโปรดเซ็นชื่อที่แขนแล้วไม่อาบน้ำเป็นเดือนๆ ก็มีซึ่งก็คืออู๋แฟนเพลงพันธุ์แท้ของ The Possible นั่นเอง จะว่าไปผมก็ชอบบทของอู๋นะครับที่คุณ เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง เป็นคนแสดงพี่เค้าแสดงได้อย่างแจ่มเลยครับแล้วเสียงแกก็แจ่มมากๆ เสียงนี้ผมคุ้นมากๆ เป็นนักพากย์ระดับเซียนคนนึ่งเลยครับ พี่เค้าพากย์เสียงที่เราคุ้นเคยกันดีก็คือเสียงของ อู๋ ม๋ง ต๊ะ อะพอจำได้ใช่ไหมครับหนังทุกเรื่องของ อู๋ ม๋ง ต๊ะ พี่แกจะเป็นคนให้เสียงพากย์ หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของแกครับแล้วแก็แสดงได้อย่างได้ใจจริงๆ ครับกับบทแฟนพันธุ์แท้ที่พยายามช่วยให้ขวัญใจในวัยเด็กได้เดินทางกลับไปสู่อดีตที่จากมา หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่ขายเพลงที่เพราะอย่างเดียวนะครับ หนังยังขายบทที่เฉียบขาด ดาราที่แสดงได้สมบทบาท เครื่องแต่งกายที่ออกแบบได้อย่างเนี้ยบจริงๆ แต่ที่ผมประทับใจอีกอย่างคือความรักของต๋อยที่รู้ว่าเมื่อเสียความรักหรือคนที่รักตนไปแล้วยากจะเอากลับคืนมาได้แต่เมื่อมีโอกาสต๋อยก็ไม่พลาดที่คว้าโอกาสนั้นไว้ไม่ให้หลุดมือไปได้ แล้วคนที่ทำให้ต๋อยคิดถึงตลอดเวลาคือน้องสตอร์ น้องรถเมล์ นักแสดงหน้าใหม่อีกคนที่แสดงได้อย่างดีและน่ารักอีกต่างห่าง อีกจุดที่ผมชอบคือมีการนำวงดนตรีระดับบรมครู The impossible มาแสดงด้วยครับ พี่ต้อยเศรษฐา ได้มาเป็นดารารับเชิญในหนังแล้วไม่ต้องทำไรมากครับกับบทบาทเรียกว่าแสดงได้สมบทบาทในแบบฉบับของพี่เค้า หนังมาสรุปจบในความสมหวังที่เพื่อนๆ ต้องลองไปติดตามครับ

เพื่อนสนิท


เพื่อนสนิท

ชื่ออังกฤษ Dear Dakanda
ชื่ออื่นๆ Puen Sanit
ประเภท Romance / Comedy
วันที่เข้าฉาย 6 ตุลาคม 2548
ความยาว 130 นาที
Rating 4.8/5 รักเพื่อนกับเพื่อนรักมันต่างกันนะจะบอกให้



ครับผมกำลังจะพูดถึงหนังไทยอีกเรื่องที่ผมชอบมากๆ อีกเรื่องหนึ่งจะว่าไปก็เป็นหนังจากค่าย GTH อีกเรื่องละครับและเป็นหนังอีกเรื่องที่กำกับโดย คมกฤษ ตรีวิมล หนึ่งในกลุ่มผู้กำกับหนังเรื่อง แฟนฉัน ครับและผมก็ต้องบอกว่าผมค่อนข้างจะชอบหนังเรื่องนี้มากๆ เหตุเพราะว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ทุกๆ คนต้องเคยผ่านมา ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ความรักในวัยเรียน ความรักของเพื่อนที่มีให้เพื่อน ความรักของเพื่อนที่พัฒนามาเป็นแฟน ความสนิทสนม ความห่วงหาอาทร ของเพื่อนๆ ที่มีให้เพื่อน ความรักที่ต้องพลัดพราก ความรักที่ต้องแสวงหา เห็นไหมครับผมไล่เรียงมาตั้งเยอะแต่ไม่หมดครับสำหรับหนังเรื่องนี้ ผมว่าต้องได้ดูครับถึงจะอินไปกับสิ่งที่ผมพูด หนังเรื่องนี้ได้ดาราใหม่มาแสดงหลายคนครับไม่ว่าจะเป็น ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ รับบท ไข่ย้อย, นุ่น - ศิรพันธ์ วัฒนจินดา รับบท ดากานดา, เอ๋ - มณีรัตน์ คำอ้วน รับบท นุ้ย ร่วมด้วย อิศ - อิศยม รัตนอุดมโชค รับบท โก้ เพื่อนเก่าที่ตามมาแสลงใจไข่ย้อยถึงเชียงใหม่, ดัมมี่ - ธนาบดินทร์ ยงสืบชาติ รับบท ฟุเหยิน เพื่อนสนิทเพศชายคู่หูคู่กัดของดากานดา, โอปอลล์ - ปาณิสรา พิมพ์ปรุ รับบท พี่แตน พี่สาวของนุ้ยที่เป็นนางพยาบาลเหมือนกัน เห็นไหมครับใหม่เกือบยกชุดเลย ในหนังผมชอบเกือบทุกคนเลยครับ ผมชอบการแสดงของซันนี่ที่แม้จะแข็งไปนิดแต่ก็เป็น หมูหรือไข่ย้อยได้แบบสมจริงมากๆ ท่าทางการแสดงเป็นธรรมชาติดี ผมชอบน้องโอปอลที่แสดงเป็นพยาบาลที่เกาะพงัน แกแสดงได้แบบเว่อร์บริสุทธิ์ใสๆ ชอบครับ ชอบนุ่นที่แสดงเป็นดากานดาแบบที่เราคิดว่าเค้ามีจริง ชอบนุ้ยที่แสดงโดยมณีรัตน์ เป็นพยาบาลแบบได้ใจรักทุกคน หนังเรื่องนี้คุณเอส ผู้กำกับสร้างโดยได้รับแรงบันดาลใจจากบทประพันธ์เรื่อง ตู้ไปรษณีย์สีแดง เนื้อเรื่องกล่าวถึง เรื่องราวของเพื่อนสนิท สอง นักศึกษา คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไข่ย้อย และ ดากานดา ที่ตกหลุมรักเพื่อนสนิทโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งวันหนึ่งที่มีคนอื่นได้เข้ามาจีบเพื่อนของตัวเอง จึงได้รู้ตัวว่าได้หลงรักเพื่อนตัวเองเข้าแล้ว เรื่องราวของเพื่อนสนิทดำเนินไป สองช่วงเวลาสลับกัน ระหว่างเนื้อเรื่องของหมู (ไข่ย้อย) เดินทางไปเกาะพะงัน ภายหลังจบการศึกษา ซึ่งได้รับบาดเจ็บ และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเกาะพะงัน ที่ซึ่งเจอ นุ้ย นางพยาบาลสาว สวย และขณะเดียวกัน ก็เป็นเรื่องราวที่หมู นึกถึงเรื่องราวในช่วงที่เรียนอยู่ ซึ่งเป็น เรื่องราวของ ไข่ย้อย และ ดากานดา ผมเองก็ได้อ่านหนังสือเรื่องนี้เหมือนกันครับสนุกดีครับอย่างว่าไปหาอ่านก็โอเคนะครับ ส่วนที่ผมชอบหลายๆ อย่างในหนังเรื่องนี้นอกจากผู้แสดงแล้วก็เป็นบรรยากาศของมหาวิทยาลัย การรับน้องใหม่ที่รุ่นพี่จัดให้น้องๆ ประเพณีปฎิบัติไม่ว่าจะเป็นงานดนตรีลูกทุ่งวิจิตร ที่ไข่ย้อยไปสมัครเป็นนักร้องนำเพื่อบอกความในใจให้ดากานดารู้ว่าไข่ย้อยก็รักดากานดานะ ผมชอบบรรยากาศที่เกาะพงันที่หมูต้องไปรักษาตัวเพราะขาหักแล้วได้เจอกับนุ้ยที่เป็นพยาบาลคอยดูแลอาการบาดเจ็บและดูแลหัวใจหมูให้สามารถค้นพบใจตัวเองว่าต้องการอะไร ชอบฉากที่ไข่ย้อยบอกดากานดาว่าชอบนะตอนที่สอบจบปีสุดท้าย แต่ดากานดาบอกไข่ย้อยว่า มาบอกอะไรตอนนี้ คิดดูสิครับคำๆ นี้มันแทงใจไข่ย้อยขนาดไหนครับ ผมงี้อึงไปกับฉากนี้เหมือนกัน ผมชอบพี่แตนที่เวลาแอคติ้งแต่ละฉากนะครับฮากระจายครับ จะมีที่ไม่ชอบก็จะเป็นหนังมันจบแล้วแต่ใจไม่อยากให้จบเลยครับ ผมซื้อหนังเรื่องนี้เก็บไว้แล้วดูแล้วดูอีกด้วยที่ว่าเป็นหนังที่ชอบมากๆๆ อยากให้หามาดูกันนะครับขอบอกแล้วจะไม่เสียดายตังค์ที่ซื้อหนังเรื่องนี้เก็บไว้


แฟนฉัน


แฟนฉัน
แนว : ดราม่า / รัก
ความยาว : 110 นาที
ฉายเมื่อ : 3 ตุลาคม 2546
Rating 4.5/5 ดูแล้วเหมือนย้อนไปวันที่ผ่านมาเมื่อวาน



ผมกำลังพูดถึงหนังแห่งปีของปี 2546 ใช่ครับนี่ก็ผ่านมา 6 ปีแล้วสำหรับหนังเรื่องนี้แต่ว่าใช่ว่าเวลาผ่านไปแล้วหนังจะหมดคุณค่าหรือดูไม่สนุกนะครับ หนังเรื่องนี้แม้ว่าเวลาผ่านไปแต่ก็ยังดูสนุกไม่มีเบื่อ อาจเป็นได้ที่ว่าหนังเกี่ยวข้องกับส่วนหนึ่งของเราทุกคนไม่มากก็น้อย ในอดีตเราต้องเคยมีประสบการณ์แบบหนังเรื่องนี้กันบ้างแหล่ะครับ และด้วยเหตุนี้เองหนังเรื่องนี้ถึงได้โดนใจใครต่อใครหลายๆ คน บางคนดูหนังเรื่องนี้หลายเที่ยวไม่รู้เบื่อ ผมก็เหมือนกันดูได้ไม่เบื่อ ดูแล้วสนุกไปกับหนังเหมือนย้อนอดีตตัวเองกลับไปสมัยเด็กๆ มีเพื่อนเป็นแก๊งค์ มีหัวโจกที่คอยนำเพื่อนๆ ไปเล่นสนุก มีสาวๆ ที่เราชอบไปเล่นด้วย หนังเรื่องนี้สำหรับผมได้เปิดประสบการณ์ใหม่สำหรับหนังไทยอีกบทหนึ่ง ได้รู้จักทีมผู้กำกับที่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ใหม่ด้วยการนำเสนอแนวทางใหม่และใหม่ด้วยการกำกับการแสดงที่ไม่เหมือนใคร หนังเรื่องนี้ใช้ผู้กำกับไปถึง 6 คนผู้เขียนบทไป 7 คน เยอะไม่ใช่เล่นครับแต่ว่าคุ้มมากๆ กับหนังที่ออกมาครับ สำหรับผมหนังเรื่องนี้ไปดูที่เซ็นทรัลลาดพร้าวไปดูแล้วอิ่มเอมใจกับหนังดีๆ ที่รอคอยหนังที่ทำให้เราได้สัมผัสอดีตความทรงจำที่เคยผ่านมาแม้จะนานแสนนานแต่เราก็จำได้เสมอ ใช่ครับผมดูไปแต่คนข้างๆ ซึ้งกับหนังถึงขนาดร้องไห้ก็มีนะครับ แสดงว่าหนังเรื่องนี้เข้าขั้นครับทำให้คนร้องไห้ได้นี่สุดยอดแล้วครับ ในหนังผมชอบกลุ่มนักแสดงเด็กๆ ที่แสดงครับเห็นว่าบางคนแสดงเป็นครั้งแรกกันหลายคนหรือเกือบจะทั้งหมดมั้งแต่แสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติตีบทกันแตกครับ ผมชอบแจ็ค หัวโจ๊กร่างท้วมท่าทางกวนโอ้ยดีจริงๆ น้อยหน่าผู้นำฝ่ายหญิงที่แสนจะซนแต่น่ารัก เจี๊ยบหนุ่มตัวเล็กแต่หัวใจใหญ่ที่เป็นตัวเด่นของเรื่อง แล้วอีกหลายๆ คน ดูเรื่องนี้ได้อะไรหลายๆ อย่างครับ ได้เห็นพี่เล็กคาราบาวมาแสดงด้วย ได้เห็นกบ อนุสรา ได้เห็นมิวสิคของสาว สาว สาว ได้เห็นการถ่ายทอดคอนเสริต์ของโลกดนตรี ได้เห็นเด็กๆ เล่นเป็นจอมยุทธที่เอาเพลงประกอบของกระบี่ไร้เทียมทานมาทำ ผมงี้โหยชอบมากๆ มันทำให้เราได้อะไรดีๆ ที่เคยผ่านไปเมื่ออดีตกลับมาหลายอย่างเลยครับ

วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Taxi


TAXI:แท็กซ์ระห่ำ ขับระเบิด

แนว : แอ็คชั่น / ตลก
ความยาว : 85 นาที
เข้าฉายเมื่อ : 9 มิถุนายน 2543
Rating 4/5 ผมอยากได้ taxi อย่างนี้ซักคันครับ




ผมรอที่จะดูเรื่องนี้มานานครับ ตอนแรกก็ยังไม่ได้ดู tailer นะครับผมเห็นโปสเตอร์ที่เค้าวางไว้หน้าโรงหนังที่เดอะมอลล์ บางกะปิครับ เรียกว่าเห็นแล้วก็ยังแปลกๆ ใจว่า เอ๊ะเอ๋.....มันเป็นหนังอะไรหว่าแข่งรถเหรอ หรือหนังแอ็กชั่นกันแน่ แต่ผมไม่รีรอที่จะตัดสินใจ ณ ตอนนั้นว่ายังไงๆ ก็ต้องมาดูให้ได้ครับ และแล้วเวลาที่รอก็มาถึง ผมได้มาดูหนังเรื่องนี้ที่โรงหนังอิมพีเรียล ลาดพร้าวครับ เป็นโรงหนัง EGV ในห้างซึ่งผมก็ตีตั๋วครับ เดินเข้าไปเลยด้วยความตั้งใจที่จะดูให้สมอยากกับที่ตั้งตารอทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันเป็นหนังเกี่ยวกับอะไร พอเข้ามานั่งในโรงคนก็ไม่เยอะตามเคยครับ พอหนังเริ่มฉายผมก็ยิ่งแปลกใจว่า เอ...ทำไมซาวน์ดแท็กที่พูดกันในหนังฟังไม่ค่อยออก(ทั้งที่ก็อ่านซับอย่างเดียว) ซักนาทีสองนาทีก็มาถึงสถานีบางอ้อว่า อ๋อ มันเป็นภาษาฝรั่งเศสนี่เอง ดูไปฟังไปก็สนุกไปอีกแบบต้องบอกอย่างนั้นจริงๆ ครับ เพราะว่าเวลาดูหนังของแต่ละชาติแต่ละภาษานั้นมันจะมี Body Language ของเค้าเอง ดูหนังฝรั่งเศสเวลาพูด ท่าทาง สีหน้า การแสดงออกทางกายก็จะเป็นแบบของเค้ามีเอกลักษณ์ของเค้า ถ้าจะเอาหนังฝรั่งเศสมาพากษ์ทับเป็นอังกฤษมันก็จะไม่ได้รสชาติของการแสดงครับ ผมเลยดีใจว่าได้มีโอกาสที่ได้ดูหนังเรื่องนี้เป็นภาษาฝรั่งเศสครับ ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าของหนังที่ไม่พากษ์อังกฤษทับซะก่อน เอาล่ะครับมาดูกันว่าทำไมผมถึงจับเอาหนังเรื่องนี้มาแนะนำกัน อย่างแรกเลยความแปลกใหม่ของหนังครับที่เป็นหนังฝรั่งเศสครับ มันสดใหม่สำหรับผมมากๆ เลย จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยดูหนังฝรั่งเศสนะครับแต่ว่าเรื่องนี้มันถูกใจครับ และหนังก็เป็นผลงานการสร้างของ ลุค แบซอง เป็นผู้สร้างผู้กำกับอีกคนที่ผมชอบในสไตล์การสร้างอีกคนครับ และประการต่อมาการเขียนบททำได้ไหลลื่นดีครับ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทที่หนังใส่ให้กับแดเนียลผู้เจนจัดเรื่องการซิ่งรถมากกว่าขับรถ หรือ เอมิเลียร์ตำรวจหนุ่มผู้ไม่ประสาเรื่องขับรถกับจีบสาว ทั้งสองตัวละครนี้แสดงได้เข้าขากันอย่างไหลลื่นครับ และพวกแก็งค์รถเบนซ์ที่เป็นนักจารกรรมเงินไฮเทคที่ชอบแข่งรถมากๆ และที่ชอบอีกตัวละครที่มีในหนังก็ต้องผู้กำกับ จีแบร์ครับ เป็นคนที่สร้างความตลกขบขันได้มากๆ เลยครับ แต่เหนือสิ่งใดองค์ประกอบโดยรวมของหนังเข้าขั้นเยี่ยมครับไม่ว่าการแสดง การแคสติ้งตัวแสดง เพลงประกอบในหนัง การไล่ล่าด้วยรถยนต์ที่เรียกว่าซ้อมกันมาดีมากๆ ทีสตั้นท์เก่งครับขับรถได้อย่างที่เรียกว่าเซียนจริงๆ จะบอกว่ามันเข้ากันได้เป็นอย่างดีครับผมก็เลยไม่อยากให้พลาดกับหนังเรื่องนี้นะครับ

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

Deja Vu : ภาระกิจเดือด ล่าทะลุเวลา


Deja Vu : ภาระกิจเดือด ล่าทะลุเวลา
แนว : แอ็คชั่น / ระทึกขวัญ / อาชญากรรม / ผจญภัย / Sci-Fi
ความยาว : 128 นาที
เข้าฉายเมื่อ : 5 ธันวาคม 2549
Rating 3.5/5 สงสัยว่าแดนเซลจะสอบใบขับขี่ตกครับขับรถชนตลอด!!!



เดจา วู ตอนแรกที่เห็นชื่อหนังผมก็ประหลาดใจครับว่าทำไมชื่อมันแปลกจังหว่า ผมก็เก็บความสงสัยนั้นมาตั้งนานจนกระทั่งหนังเข้าก็เป็นหน้าที่ผมล่ะที่ต้องเข้าไปพิสูนจ์ให้เห็นจริงว่าหนังเป็นอย่างไร หนังเรื่องนี้เปิดตัวผู้แสดงได้อย่างน่าสนใจครับ แดนเซล วอชิงตัน เป็นตัวแสดงนำ ต้องขอบอกว่าผมคุ้นเคยกับแกดีเพราะดูหนังแกบ่อยเหมือนกันครับ และหนังเรื่องนี้ที่มาดูก็ได้แกแหล่ะครับที่เป็นจุดขายให้ผมเข้ามาดู ผมจำไม่ได้แล้ววว่าไปดุหนั้งเรื่องนี้ที่โรงไหนแต่จำได้ว่าวันที่ผมดูนั่นน่ะคนในโรงน้อยจังเลย อาจเป็นเพราะว่าไม่มีดาราดังแสดงมากนักก็เป็นได้ ที่ดังๆ ที่แสดงด้วยก็คือ จิม คาวีเซล ครับที่แสดงเรื่อง Frequency แล้วก็ วาล คิมเมอร์ อีกคนครับที่ดังหน่อย แต่ตอนไปดูต้องบอกว่าผิดคาดครับตอนที่ดูเรื่องนี้ผมตื่นเต้นไปกับตัวหนังสนุกลุ้นทุกฉากครับ หนังนี้จะมีแนวคิดคล้ายๆ กับเรื่อง Frequency ที่ว่าอดีตสามารถส่งผลถึงปัจุบันได้ แต่ว่าอย่าไปคิดมากถึงจุดนั้นเลยครับเราดูหนังเพื่อความสนุกมากกว่า สำหรับหนังเรื่องนี้เป็นผลงานของ เป็นผลงานของ โทนี่ สก็อต ภายใต้การสร้างของ เจอร์รี่ บรั๊คไฮเมอร์ มือพระกาฬครับ สำหรับผู้สร้างและผู้กำกับหนังเรื่องนี้ต่างก็มีเครดิตในการสร้างหนังที่ทำรายได้ระดับร้อยล้านเหรียญเยอะไปหมด สำหรับหนังเรื่องนี้ต้องบอกว่าการเขียนบทเขียนได้อย่างแยบยลครับ จากปัจุบันไปสู่อดีตแล้วย้อนมาสู่ปัจุบัน ตอนแรกผมดูก็ยังงงๆ นะครับแต่ว่าพอดีไปหลายๆ ทีแล้วโอ้โหเขียนบทกันได้ไงหว่าสุดยอดจริงๆ ก็ต้องยกความดีให้กับคนเขียนบทล่ะครับงานนี้ สิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้คือบทไล่ล่าที่ตัดสลับอดีตกับปัจุบันได้อย่างลงตัว ตอนที่แดนเซล ขับรถล่าผู้ร้ายโดยใช้เครื่องมือพิเศษที่มองย้อนไปในอดีตได้นี่ผมว่าทำได้อย่างลงตัวที่สุดแล้ว แต่ที่เป็นแง่คิดก็คือการที่รัฐบาลสหรัฐมีเครื่องมือที่สอดส่องความเป็นอยู่ของประชากรได้แบบเครื่องมือในหนังนี่ผมว่าคนเราคงหมดความเป็นส่วนตัวแน่ๆ แบบว่าทำไรรู้กันหมดเลย แต่ดีที่ไม่มีอยู่จริง(หรือมีอยู่ก็ไม่รู้นะ) อีกคนที่ผมประทับใจก็คือผู้แสดงนำหญิง ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของฆาตกรผมว่าเธอหน้าตาน่ารักดีครับแสดงก็ดีด้วยครับสำหรับหนังเรื่องนี้ผมดูไปลุ้นไปทุกครั้งที่ดูครับ ก็อยากให้หาๆ มาดูกันครับไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ


Love Actually:ทุกหัวใจมีรัก


ทุกหัวใจมีรัก แนว : รัก / ตลก
ความยาว : 129 นาที วันที่ออกฉาย : 4 ธันวาคม 2546
Rating 4.5/5 ความรักทำให้ทุกคนมีสุขครับแม้ว่าสุขนั้นจะมีทุกข์บ้าง




หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ผมชอบมากๆ เลยครับถึงขนาดที่ว่าอยากดูแล้วหาแผ่นไม่เจอต้องไปหาซื้อใหม่จนได้ เห็นไหมครับว่าหนังเรื่องนี้มันทำให้ผมทรมานใจขนาดไหน เอาล่ะครับมาดูสิว่าทำไมเราต้องไปหาเรื่องนี้มาดูกัน เริ่มแรกนะครับ หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ว่าด้วยความรักที่ครบทุกรสชาติ
ใช่ครับหนังเรื่องนี้ก็ต้องบอกอีกครั้งว่าผมไปดูคนเดียวในโรงที่เซ็นทรัล ลาดพร้าวในโรงนะครับ นั่งกันเป็นคู่ๆ เลยผมคิดในใจว่าเอ๊ะ... เรามาทำอะไรคนเดียวตอนนี้หว่า แต่จะไปคิดมากทำไมล่ะครับผมมาดูหนังของผมนี่ ผมก็ดูคนเดียวประจำอยู่แล้วด้วย ไม่คิดมากครับดูไปก็ซึ้ง ขำ ฮา ปนเศร้านิดๆ กับเนื้อเรื่องครับเรียกว่าเป็นหนังอีกเรื่องในดวงใจครับ และเป็นหนังที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่หนังไทยหลายๆ เรื่องเอามาเป็นต้นแบบ ในหนังเรื่องนี้บทหนังเขียนได้อย่างถึงกึ๋นครับ เขียนได้ใจจริงๆ หนังเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันแต่ว่ามันโยงไปที่จุดๆ เดียวครับคือความรัก และความรักที่มีในหนังก็เป็นความรักที่เกิดขึ้นได้กับทุกๆ คนไมว่าจะเป็นใครก็ตาม ซึ่งในหนังผมชอบความรักของโคลิน เฟริท์ที่ไปพักรักษาใจหลังจากที่รู้ว่าเมียตัวเองมีชายอื่น แล้วไปเจอกับแม่บ้านที่มาดูแลบ้านให้แต่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ความรักที่บริสุทธิใจที่ไม่มีอะไรมากั้นได้แม้แต่อุปสรรคของเรื่องภาษาทำ ให้ได้สมหวัง และที่ผมชอบอีกคน ก็ต้องคนนี้เลยครับ บิลล ไนฮี่ย์ ร็อกเกอร์รุ่นเก๋าที่กลับมาดังด้วยเพลงที่เค้าเกลียดที่สุดเรียกได้แสดงได้ สุดๆ จริงๆ แต่ที่ถูกใจผมสุดๆ ต้องคนนี้เลยครับ โรแวน แอตกินสันหรือที่รู้จักในนาม Mr.Bean นั่นเองแกแสดงไม่กี่ฉากนะครับแต่ว่าฮาได้ใจมากๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากตอนเป็นคนขายแหวนในห้างที่อลัน ริกแมนที่ไปซื้อของกับภรรยาแต่ตัวเองกลับไปซื้อแหวนให้สาวนอื่น โรแวน แอตกินสันแสดงได้อยากน่ารักน่าชังจริงๆ หรือไม่ว่าจะเป็นฉากที่ช่วยให้เด็กน้อยได้ไปบอกลาสาวที่หลงรักที่สนามบิน ครับสำหรับหนังเรื่องนี้บอกได้ว่าสุดๆ และเสน่ห์อีกอย่างของหนังอังกฤษเรื่องนี้คือภาษาครับ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดแล้วสำเนียงจะออกแปร่งๆ สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยแต่ผมว่าสำเนียงนี้ฟังแล้วลื่นหูไปอีกแบบครับ แต่เห็นว่า Love Actually มีฉบับเต็มที่เพิ่มคู่รักเข้าไปอีกคู่นะครับ อย่างไรต้องไปหาดูก่อนล่ะครับเพื่อที่จะมาเล่าให้ฟังอีกที่ครับ


Kung Fu Hustle


คนเล็กหมัดเทวดา

แนว : แอ็คชั่น / ตลก
ความยาว : 95 นาที
Rating 4/5 ผมชอบท่านโจวครับไม่มีไรมากดูสนุกทั้งเรื่อง


สำหรับข้อมูลที่ได้มาต้องขอบคุณเวปไซต์ต่างๆ ด้วยครับ สำหรับหนังเรื่องนี้ผมต้องบอกว่าเป็นหนังลำดับถัดจาก Shaolin Soccer ที่โด่งดังเป็นพุลแตกเลยครับ สำหรับหนังเรื่องนี้ผมซื้อดีวีดี มาดูแล้วก็ดู แล้วก็ดูๆๆๆ หลายๆ รอบเลยครับ เหตุเพราะชอบท่านโจวนั่นเอง หนังของโจวชิงฉือ นี่ผมติดตามเกือบทุกเรื่องเลยครับ สำหรับหนังเรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นอีกเรื่องที่ประทับใจกับเนื้อเรื่องกับ หนังในช่วงหลังๆ ของท่านโจว เหตุเพราะว่ามีเนื้อหาที่เข้าใจง่าย ไม่เป็นหนังล้อเลียนเหมือนก่อนๆ ฉีกกฎในการทำหนังของเค้าเลยทีเดียว และนางเอกจะเรียกยั้งงั้นก็ว่าได้นะครับสำหรับหนัง Kung Fu Hustle ได้ดาวดวงใหม่"หวงเซงอี้" เป็นนักแสดงจีนแผ่นดินใหญ่ ที่หน้าตาหวานอย่างหยดย้อย น่ารักและใสๆ นี้ต้องบอกว่านอกจากเนื้อเรื่องจะดีแล้วยังได้นำนักแสดงเก่าๆ หลายท่านในอดีตมาร่วมแสดงด้วยไมว่าจะเป็น"หยวนชิว" เมียเจ้าของชุมชนตรอกเล้าหมู "เหลียงซิวหลุง" เจ้าแห่งเทพสังหาร มือสังหารอันดับหนึ่ง "หยวนหว่า" เจ้าของบ้านเช่าที่เป็นนักแสดงจากยุคสมัยของ บรู๊ซ ลี แล้วที่สำคัญหนังกำลังภายในนี่หายากนะครับในช่วงนี้เหตุเพราะไม่มีใครสร้างแล้วนั่นเอง ก็เรียกว่าเป็นหนังที่ผมชอบมากอีกเรื่องครับ


Frequency : เจาะเวลาผ่าความถี่ฆ่า


Frequency : เจาะเวลาผ่าความถี่ฆ่า
แนว : ดราม่า / แฟนตาซี / ลึกลับ / sci-fi
ความยาว : 118 นาที
Rating 4/5 เรื่องนี้ได้ลุ้นทุกฉากครับ

Synopsis
A phenomenon allows police officer John Sullivan (Jim Caviezel) to save the life of his long-dead father (Dennis Quaid). But changing the past leads to a string of brutal, serial homicides. Now, they both must race across time to stop the killer.
Release Date: October 31, 2001

Directed by: Gregory Hoblit
Starring: Dennis Quaid, Jim Caviezel, Shawn Doyle,Melissa Errico, Noah Emmerich, Elizabeth Mitchell, Andre Braugher, Jordan Bridges, Daniel Henson, Michael Cera


สำหรับผมนะครับ นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวและข้อมูลที่นำมาประกอบเป็นสิ่งที่รวบรวมมาจากหลายๆ ที่ก็ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
Frequency : เจาะเวลาผ่าความถี่ฆ่า เป็นหนังอีกเรื่องที่เล่นกับเงื่อนของเวลาที่ยังเป็นที่สงสัยกันอยู่ว่าการ ย้อนเวลาไปอดีต การเจาะเวลาไปยังอนาคตสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งก็เป็นที่ถกเถียงกันไม่จบสิ้น หนังเรื่องนี้ได้นำเรื่องปมเวลามาเล่นได้อย่างน่าสนใจครับ ไม่ว่าจะเป็นปมเงื่อนไขของเวลาที่ว่า "ถ้าเราทำอะไรในอดีตแล้ว สิ่งที่ทำจะปรากฎในอนาคต" ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ดีหรือร้ายได้ไม่มีใครรู้ ที่รู้ๆ คือทำดีไว้ก่อนแล้วจะดีเองในหนังตัวเอกที่เดินเรื่องจะมี เดนิส เควดที่แสดงเป็นพ่อ และ จิม คาวีเซล ที่แสดงเป็นลูก ทั้งสองตัวละครนี้จะเดินเรื่องได้อย่างสอดคล้องและต้องลุ้นกันตลอดไม่ว่าจะ เป็นการสืบสวนหาตัวคนร้าย ฆาตกรต่อเนื่องในคดีฆ่าพยาบาลไนติงเกล และต้องให้ทันเวลาเพื่อหยุดยั้งสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสิ่งที่ และการตามล่าหาความจริงนั้นมันมีผลกระทบต่อหลายสิ่งหลายอย่างทีเดียว ไม่ว่าจะต้องตกเป็นผู้สงสัยแทนฆาตกร การที่ต้องปกป้องคนที่รักไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของฆาตกร เรียกว่าหนังเรื่องนี้มีทุกรสชาติครับ สนุก ลุ้นระทึก ซึ้งใจ สิ่งที่ผมชอบในหนังเรื่องนี้คือการเชื่อมต่อของบทหนังที่ทำได้ไหลลื่น และยังเขียนบทได้กระชับทันใจได้ลุ้นทุกตอนครับ เรียกว่าต้องดูตาแทบไม่กระพริบกันเลย ผมจำได้ว่าหนังเรื่องนี้เข้าโรงแต่ผมไปดูแต่จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้ แต่มาหลังๆ ได้ดูจากแผ่น DVD ที่ผมซื้อมาเก็บก็เริ่มชอบในหนังเรื่องนี้เพราะเหตุผลที่บอกไปแล้ว พอได้ดูหลายๆ ทีก็คิดว่า แหมช่างสร้างหนังได้เข้าถึงแก่นแท้ๆ หนังที่ดีต้องอย่างนี้ครับทำให้ผู้ดูไม่อยากลุกไปไหนตอนดู ทำให้ลืมเรื่องอื่นๆ ไปได้ตอนดูหนัง ผมไม่ได้บอกว่าเรื่องอื่นไม่ดีนะครับ แต่ว่าเรื่องนี้โดนใจจริงๆ ครับ ผมเสนอว่าใครที่ชอบหนังแนวสืบสวนควรหาเรื่องนี้ไว้เก็บนะครับ เพราะหนังดีๆ อย่างนี้ไม่อยากให้พลาดครับ เอาล่ะครับผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ ผมจะหาหนังเรื่องอื่นๆ มารีวิวอีกครับ อย่างไรต้องขอบคุณข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่ผมเข้าไปหาข้อมูลด้วยครับ