วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

The Possible:เก๋า เก๋า


เก๋า..เก๋า : The Possible

แนว : ตลก / เพลง / แฟนตาซี
ฉายเมื่อ : 4 ธันวาคม 2549
Rating 4/5 หนังเก๋าสำหรับคนเก๋า



ใครเก๋า...ยกมือขึ้น ผมไม่ได้กวนนะครับผมแค่จะมาพูดถึงหนังเรื่อง The Pssible:เก๋า เก๋า เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมไปดูแล้วประทับใจ หนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมตั้งใจไปดูครับด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นหนังจากทีมผู้กำกับจากทีมแฟนฉัน แหมอะไรจะปานนั้นผมพูดถึงหนังจากทีมงานทีมนี้ก็สองเรื่องแล้ว เอ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามไม่ว่ากัน หนังเรื่องนี้นำเสนอเกี่ยวกับดนตรีเมื่อยุคสตริงคอมโบกำลังเฟื่องฟู ซึ่งหนังเลือกนำเสนอผ่านวงดนตรีที่กำลังเป็นดาวรุ่งที่ชื่อว่า The Possible หัวหน้าวงนำโดยโจอี้บอย ที่แสดงเป็น ต๋อย พร้อมกับพลพรรคนักดนตรีไม่ว่าจะเป็น โป้ โยคี เพลย์บอย สอง พาราด็อกซ์ และอีกหลายๆ คนแล้วก็เด็กสร้างตั้งแต่หนังเรื่องแฟนฉัน ไม่ว่าจะเป็นน้องโฟกัส น้องแจ๊ค ครับสำหรับหนังเรื่องนี้ผมประทับใจกับบทหนัง เพลงประกอบ การวางตัวดาราที่มาแสดง ผมชอบในหนังที่เอาจุดเด่นของวงดนตรีสมัยสริงคอมโบมานำเสนออย่างเด่นชัด แล้วเพลงประกอบก็เยี่ยมครับ เพลงดวงใจยังมีรัก ก็เป็นเพลงที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากเพลงฝรั่งแล้วเขียนเนื้อเพลงใส่เข้าไปเรียกว่าทำได้อย่างเนียนมากๆ เนื้อเพลงเพราะดีแล้วใครที่คุ้นเคยกับโจอี้บอยที่ร้องแต่เพลงแร็ปก็จะได้เห็นโจอี้บอยรองเพลงแบบธรรมดากับเค้าบ้างมันก็แปลกไปอีกแบบแต่แปลกในแบบที่เจ๋งนะครับ ในหนังได้นำเสนอความรักยุคก่อน การทำเพลงของวงดนตรีที่มักเอาเพลงฝรั่งมาแปลงเนื้อ ความคลั่งไคล้ในตัววงดนตรีที่เรียกว่าคลั่งแบบมากๆ ให้นักร้องคนโปรดเซ็นชื่อที่แขนแล้วไม่อาบน้ำเป็นเดือนๆ ก็มีซึ่งก็คืออู๋แฟนเพลงพันธุ์แท้ของ The Possible นั่นเอง จะว่าไปผมก็ชอบบทของอู๋นะครับที่คุณ เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง เป็นคนแสดงพี่เค้าแสดงได้อย่างแจ่มเลยครับแล้วเสียงแกก็แจ่มมากๆ เสียงนี้ผมคุ้นมากๆ เป็นนักพากย์ระดับเซียนคนนึ่งเลยครับ พี่เค้าพากย์เสียงที่เราคุ้นเคยกันดีก็คือเสียงของ อู๋ ม๋ง ต๊ะ อะพอจำได้ใช่ไหมครับหนังทุกเรื่องของ อู๋ ม๋ง ต๊ะ พี่แกจะเป็นคนให้เสียงพากย์ หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของแกครับแล้วแก็แสดงได้อย่างได้ใจจริงๆ ครับกับบทแฟนพันธุ์แท้ที่พยายามช่วยให้ขวัญใจในวัยเด็กได้เดินทางกลับไปสู่อดีตที่จากมา หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่ขายเพลงที่เพราะอย่างเดียวนะครับ หนังยังขายบทที่เฉียบขาด ดาราที่แสดงได้สมบทบาท เครื่องแต่งกายที่ออกแบบได้อย่างเนี้ยบจริงๆ แต่ที่ผมประทับใจอีกอย่างคือความรักของต๋อยที่รู้ว่าเมื่อเสียความรักหรือคนที่รักตนไปแล้วยากจะเอากลับคืนมาได้แต่เมื่อมีโอกาสต๋อยก็ไม่พลาดที่คว้าโอกาสนั้นไว้ไม่ให้หลุดมือไปได้ แล้วคนที่ทำให้ต๋อยคิดถึงตลอดเวลาคือน้องสตอร์ น้องรถเมล์ นักแสดงหน้าใหม่อีกคนที่แสดงได้อย่างดีและน่ารักอีกต่างห่าง อีกจุดที่ผมชอบคือมีการนำวงดนตรีระดับบรมครู The impossible มาแสดงด้วยครับ พี่ต้อยเศรษฐา ได้มาเป็นดารารับเชิญในหนังแล้วไม่ต้องทำไรมากครับกับบทบาทเรียกว่าแสดงได้สมบทบาทในแบบฉบับของพี่เค้า หนังมาสรุปจบในความสมหวังที่เพื่อนๆ ต้องลองไปติดตามครับ

เพื่อนสนิท


เพื่อนสนิท

ชื่ออังกฤษ Dear Dakanda
ชื่ออื่นๆ Puen Sanit
ประเภท Romance / Comedy
วันที่เข้าฉาย 6 ตุลาคม 2548
ความยาว 130 นาที
Rating 4.8/5 รักเพื่อนกับเพื่อนรักมันต่างกันนะจะบอกให้



ครับผมกำลังจะพูดถึงหนังไทยอีกเรื่องที่ผมชอบมากๆ อีกเรื่องหนึ่งจะว่าไปก็เป็นหนังจากค่าย GTH อีกเรื่องละครับและเป็นหนังอีกเรื่องที่กำกับโดย คมกฤษ ตรีวิมล หนึ่งในกลุ่มผู้กำกับหนังเรื่อง แฟนฉัน ครับและผมก็ต้องบอกว่าผมค่อนข้างจะชอบหนังเรื่องนี้มากๆ เหตุเพราะว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ทุกๆ คนต้องเคยผ่านมา ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ความรักในวัยเรียน ความรักของเพื่อนที่มีให้เพื่อน ความรักของเพื่อนที่พัฒนามาเป็นแฟน ความสนิทสนม ความห่วงหาอาทร ของเพื่อนๆ ที่มีให้เพื่อน ความรักที่ต้องพลัดพราก ความรักที่ต้องแสวงหา เห็นไหมครับผมไล่เรียงมาตั้งเยอะแต่ไม่หมดครับสำหรับหนังเรื่องนี้ ผมว่าต้องได้ดูครับถึงจะอินไปกับสิ่งที่ผมพูด หนังเรื่องนี้ได้ดาราใหม่มาแสดงหลายคนครับไม่ว่าจะเป็น ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ รับบท ไข่ย้อย, นุ่น - ศิรพันธ์ วัฒนจินดา รับบท ดากานดา, เอ๋ - มณีรัตน์ คำอ้วน รับบท นุ้ย ร่วมด้วย อิศ - อิศยม รัตนอุดมโชค รับบท โก้ เพื่อนเก่าที่ตามมาแสลงใจไข่ย้อยถึงเชียงใหม่, ดัมมี่ - ธนาบดินทร์ ยงสืบชาติ รับบท ฟุเหยิน เพื่อนสนิทเพศชายคู่หูคู่กัดของดากานดา, โอปอลล์ - ปาณิสรา พิมพ์ปรุ รับบท พี่แตน พี่สาวของนุ้ยที่เป็นนางพยาบาลเหมือนกัน เห็นไหมครับใหม่เกือบยกชุดเลย ในหนังผมชอบเกือบทุกคนเลยครับ ผมชอบการแสดงของซันนี่ที่แม้จะแข็งไปนิดแต่ก็เป็น หมูหรือไข่ย้อยได้แบบสมจริงมากๆ ท่าทางการแสดงเป็นธรรมชาติดี ผมชอบน้องโอปอลที่แสดงเป็นพยาบาลที่เกาะพงัน แกแสดงได้แบบเว่อร์บริสุทธิ์ใสๆ ชอบครับ ชอบนุ่นที่แสดงเป็นดากานดาแบบที่เราคิดว่าเค้ามีจริง ชอบนุ้ยที่แสดงโดยมณีรัตน์ เป็นพยาบาลแบบได้ใจรักทุกคน หนังเรื่องนี้คุณเอส ผู้กำกับสร้างโดยได้รับแรงบันดาลใจจากบทประพันธ์เรื่อง ตู้ไปรษณีย์สีแดง เนื้อเรื่องกล่าวถึง เรื่องราวของเพื่อนสนิท สอง นักศึกษา คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไข่ย้อย และ ดากานดา ที่ตกหลุมรักเพื่อนสนิทโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งวันหนึ่งที่มีคนอื่นได้เข้ามาจีบเพื่อนของตัวเอง จึงได้รู้ตัวว่าได้หลงรักเพื่อนตัวเองเข้าแล้ว เรื่องราวของเพื่อนสนิทดำเนินไป สองช่วงเวลาสลับกัน ระหว่างเนื้อเรื่องของหมู (ไข่ย้อย) เดินทางไปเกาะพะงัน ภายหลังจบการศึกษา ซึ่งได้รับบาดเจ็บ และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเกาะพะงัน ที่ซึ่งเจอ นุ้ย นางพยาบาลสาว สวย และขณะเดียวกัน ก็เป็นเรื่องราวที่หมู นึกถึงเรื่องราวในช่วงที่เรียนอยู่ ซึ่งเป็น เรื่องราวของ ไข่ย้อย และ ดากานดา ผมเองก็ได้อ่านหนังสือเรื่องนี้เหมือนกันครับสนุกดีครับอย่างว่าไปหาอ่านก็โอเคนะครับ ส่วนที่ผมชอบหลายๆ อย่างในหนังเรื่องนี้นอกจากผู้แสดงแล้วก็เป็นบรรยากาศของมหาวิทยาลัย การรับน้องใหม่ที่รุ่นพี่จัดให้น้องๆ ประเพณีปฎิบัติไม่ว่าจะเป็นงานดนตรีลูกทุ่งวิจิตร ที่ไข่ย้อยไปสมัครเป็นนักร้องนำเพื่อบอกความในใจให้ดากานดารู้ว่าไข่ย้อยก็รักดากานดานะ ผมชอบบรรยากาศที่เกาะพงันที่หมูต้องไปรักษาตัวเพราะขาหักแล้วได้เจอกับนุ้ยที่เป็นพยาบาลคอยดูแลอาการบาดเจ็บและดูแลหัวใจหมูให้สามารถค้นพบใจตัวเองว่าต้องการอะไร ชอบฉากที่ไข่ย้อยบอกดากานดาว่าชอบนะตอนที่สอบจบปีสุดท้าย แต่ดากานดาบอกไข่ย้อยว่า มาบอกอะไรตอนนี้ คิดดูสิครับคำๆ นี้มันแทงใจไข่ย้อยขนาดไหนครับ ผมงี้อึงไปกับฉากนี้เหมือนกัน ผมชอบพี่แตนที่เวลาแอคติ้งแต่ละฉากนะครับฮากระจายครับ จะมีที่ไม่ชอบก็จะเป็นหนังมันจบแล้วแต่ใจไม่อยากให้จบเลยครับ ผมซื้อหนังเรื่องนี้เก็บไว้แล้วดูแล้วดูอีกด้วยที่ว่าเป็นหนังที่ชอบมากๆๆ อยากให้หามาดูกันนะครับขอบอกแล้วจะไม่เสียดายตังค์ที่ซื้อหนังเรื่องนี้เก็บไว้


แฟนฉัน


แฟนฉัน
แนว : ดราม่า / รัก
ความยาว : 110 นาที
ฉายเมื่อ : 3 ตุลาคม 2546
Rating 4.5/5 ดูแล้วเหมือนย้อนไปวันที่ผ่านมาเมื่อวาน



ผมกำลังพูดถึงหนังแห่งปีของปี 2546 ใช่ครับนี่ก็ผ่านมา 6 ปีแล้วสำหรับหนังเรื่องนี้แต่ว่าใช่ว่าเวลาผ่านไปแล้วหนังจะหมดคุณค่าหรือดูไม่สนุกนะครับ หนังเรื่องนี้แม้ว่าเวลาผ่านไปแต่ก็ยังดูสนุกไม่มีเบื่อ อาจเป็นได้ที่ว่าหนังเกี่ยวข้องกับส่วนหนึ่งของเราทุกคนไม่มากก็น้อย ในอดีตเราต้องเคยมีประสบการณ์แบบหนังเรื่องนี้กันบ้างแหล่ะครับ และด้วยเหตุนี้เองหนังเรื่องนี้ถึงได้โดนใจใครต่อใครหลายๆ คน บางคนดูหนังเรื่องนี้หลายเที่ยวไม่รู้เบื่อ ผมก็เหมือนกันดูได้ไม่เบื่อ ดูแล้วสนุกไปกับหนังเหมือนย้อนอดีตตัวเองกลับไปสมัยเด็กๆ มีเพื่อนเป็นแก๊งค์ มีหัวโจกที่คอยนำเพื่อนๆ ไปเล่นสนุก มีสาวๆ ที่เราชอบไปเล่นด้วย หนังเรื่องนี้สำหรับผมได้เปิดประสบการณ์ใหม่สำหรับหนังไทยอีกบทหนึ่ง ได้รู้จักทีมผู้กำกับที่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ใหม่ด้วยการนำเสนอแนวทางใหม่และใหม่ด้วยการกำกับการแสดงที่ไม่เหมือนใคร หนังเรื่องนี้ใช้ผู้กำกับไปถึง 6 คนผู้เขียนบทไป 7 คน เยอะไม่ใช่เล่นครับแต่ว่าคุ้มมากๆ กับหนังที่ออกมาครับ สำหรับผมหนังเรื่องนี้ไปดูที่เซ็นทรัลลาดพร้าวไปดูแล้วอิ่มเอมใจกับหนังดีๆ ที่รอคอยหนังที่ทำให้เราได้สัมผัสอดีตความทรงจำที่เคยผ่านมาแม้จะนานแสนนานแต่เราก็จำได้เสมอ ใช่ครับผมดูไปแต่คนข้างๆ ซึ้งกับหนังถึงขนาดร้องไห้ก็มีนะครับ แสดงว่าหนังเรื่องนี้เข้าขั้นครับทำให้คนร้องไห้ได้นี่สุดยอดแล้วครับ ในหนังผมชอบกลุ่มนักแสดงเด็กๆ ที่แสดงครับเห็นว่าบางคนแสดงเป็นครั้งแรกกันหลายคนหรือเกือบจะทั้งหมดมั้งแต่แสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติตีบทกันแตกครับ ผมชอบแจ็ค หัวโจ๊กร่างท้วมท่าทางกวนโอ้ยดีจริงๆ น้อยหน่าผู้นำฝ่ายหญิงที่แสนจะซนแต่น่ารัก เจี๊ยบหนุ่มตัวเล็กแต่หัวใจใหญ่ที่เป็นตัวเด่นของเรื่อง แล้วอีกหลายๆ คน ดูเรื่องนี้ได้อะไรหลายๆ อย่างครับ ได้เห็นพี่เล็กคาราบาวมาแสดงด้วย ได้เห็นกบ อนุสรา ได้เห็นมิวสิคของสาว สาว สาว ได้เห็นการถ่ายทอดคอนเสริต์ของโลกดนตรี ได้เห็นเด็กๆ เล่นเป็นจอมยุทธที่เอาเพลงประกอบของกระบี่ไร้เทียมทานมาทำ ผมงี้โหยชอบมากๆ มันทำให้เราได้อะไรดีๆ ที่เคยผ่านไปเมื่ออดีตกลับมาหลายอย่างเลยครับ

วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Taxi


TAXI:แท็กซ์ระห่ำ ขับระเบิด

แนว : แอ็คชั่น / ตลก
ความยาว : 85 นาที
เข้าฉายเมื่อ : 9 มิถุนายน 2543
Rating 4/5 ผมอยากได้ taxi อย่างนี้ซักคันครับ




ผมรอที่จะดูเรื่องนี้มานานครับ ตอนแรกก็ยังไม่ได้ดู tailer นะครับผมเห็นโปสเตอร์ที่เค้าวางไว้หน้าโรงหนังที่เดอะมอลล์ บางกะปิครับ เรียกว่าเห็นแล้วก็ยังแปลกๆ ใจว่า เอ๊ะเอ๋.....มันเป็นหนังอะไรหว่าแข่งรถเหรอ หรือหนังแอ็กชั่นกันแน่ แต่ผมไม่รีรอที่จะตัดสินใจ ณ ตอนนั้นว่ายังไงๆ ก็ต้องมาดูให้ได้ครับ และแล้วเวลาที่รอก็มาถึง ผมได้มาดูหนังเรื่องนี้ที่โรงหนังอิมพีเรียล ลาดพร้าวครับ เป็นโรงหนัง EGV ในห้างซึ่งผมก็ตีตั๋วครับ เดินเข้าไปเลยด้วยความตั้งใจที่จะดูให้สมอยากกับที่ตั้งตารอทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันเป็นหนังเกี่ยวกับอะไร พอเข้ามานั่งในโรงคนก็ไม่เยอะตามเคยครับ พอหนังเริ่มฉายผมก็ยิ่งแปลกใจว่า เอ...ทำไมซาวน์ดแท็กที่พูดกันในหนังฟังไม่ค่อยออก(ทั้งที่ก็อ่านซับอย่างเดียว) ซักนาทีสองนาทีก็มาถึงสถานีบางอ้อว่า อ๋อ มันเป็นภาษาฝรั่งเศสนี่เอง ดูไปฟังไปก็สนุกไปอีกแบบต้องบอกอย่างนั้นจริงๆ ครับ เพราะว่าเวลาดูหนังของแต่ละชาติแต่ละภาษานั้นมันจะมี Body Language ของเค้าเอง ดูหนังฝรั่งเศสเวลาพูด ท่าทาง สีหน้า การแสดงออกทางกายก็จะเป็นแบบของเค้ามีเอกลักษณ์ของเค้า ถ้าจะเอาหนังฝรั่งเศสมาพากษ์ทับเป็นอังกฤษมันก็จะไม่ได้รสชาติของการแสดงครับ ผมเลยดีใจว่าได้มีโอกาสที่ได้ดูหนังเรื่องนี้เป็นภาษาฝรั่งเศสครับ ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าของหนังที่ไม่พากษ์อังกฤษทับซะก่อน เอาล่ะครับมาดูกันว่าทำไมผมถึงจับเอาหนังเรื่องนี้มาแนะนำกัน อย่างแรกเลยความแปลกใหม่ของหนังครับที่เป็นหนังฝรั่งเศสครับ มันสดใหม่สำหรับผมมากๆ เลย จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยดูหนังฝรั่งเศสนะครับแต่ว่าเรื่องนี้มันถูกใจครับ และหนังก็เป็นผลงานการสร้างของ ลุค แบซอง เป็นผู้สร้างผู้กำกับอีกคนที่ผมชอบในสไตล์การสร้างอีกคนครับ และประการต่อมาการเขียนบททำได้ไหลลื่นดีครับ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทที่หนังใส่ให้กับแดเนียลผู้เจนจัดเรื่องการซิ่งรถมากกว่าขับรถ หรือ เอมิเลียร์ตำรวจหนุ่มผู้ไม่ประสาเรื่องขับรถกับจีบสาว ทั้งสองตัวละครนี้แสดงได้เข้าขากันอย่างไหลลื่นครับ และพวกแก็งค์รถเบนซ์ที่เป็นนักจารกรรมเงินไฮเทคที่ชอบแข่งรถมากๆ และที่ชอบอีกตัวละครที่มีในหนังก็ต้องผู้กำกับ จีแบร์ครับ เป็นคนที่สร้างความตลกขบขันได้มากๆ เลยครับ แต่เหนือสิ่งใดองค์ประกอบโดยรวมของหนังเข้าขั้นเยี่ยมครับไม่ว่าการแสดง การแคสติ้งตัวแสดง เพลงประกอบในหนัง การไล่ล่าด้วยรถยนต์ที่เรียกว่าซ้อมกันมาดีมากๆ ทีสตั้นท์เก่งครับขับรถได้อย่างที่เรียกว่าเซียนจริงๆ จะบอกว่ามันเข้ากันได้เป็นอย่างดีครับผมก็เลยไม่อยากให้พลาดกับหนังเรื่องนี้นะครับ